Wednesday, September 29, 2010

จากตะวันออกไปอีสานเด้อ....ทริปนี้ยาว.....



       คราวนี้จะเป็นการเดินทางจากระยองซึ่งเป็นฝั่งตะวันออกของเมืองไทยข้ามไปเยือนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานกันครับ  เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืดโดยมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายแรกคือ ฟาร์มโชคชัย ออกเดินทางจากระยองโดยใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 36 วิ่งไปทางชลบุรี ก่อนถึงตัวเมืองชลบุรีเราก็แยกเข้าสายมอเตอร์เวย์ (เส้นทางพิเศษสาย7) ขับยิงยาวไปเชื่อมต่อเส้นทางพิเศษสาย 9 (มอเตอร์เวย์เหมือนเดิม) วิ่งไปออกสระบุรีแล้วแยกไปโคราชเพื่อไปยังเป้าหมายฟาร์มโชคชัยครับ 



ถึงฟาร์มโชคชัยแล้วคร้าบบบบ...
 
           เราถึงฟาร์มโชคชัยตอนเช้าซึ่งเป็นกรุ๊ปแรกของวัน คนจึงยังไม่พลุกพล่าน สามารถเที่ยวชมได้อย่างสบาย ๆ  ภายในฟาร์ม นอกจากจะมีการสาธิตการเลี้ยงการรีดและการผลิตนมวัวแล้ว  ยังมีจุดให้เที่ยวชมภายในอีกหลายจุด ทั้งนี้รวมถึงสวนสัตว์ภายในฟาร์มด้วย




          เมื่อเราเที่ยวฟาร์มโชคชัยจนทั่วแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี  ตอนแรกตั้งโปรแกรมไว้ว่าจะกินมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหารของที่นี่เลย  แต่ปรากฎว่าต้องรอคิวนานหลายคิวมาก  จึงเปลี่ยนไปหาของอร่อย ๆ แถบ ๆ นั้นแทน  และแล้วก็ไปลงตัวกันที่ร้านอาหารระเบียงน้ำ  ซึ่งบรรยากาศนับว่าใช้ได้เลยทีเดียว รสชาดอาหารก็โอเค ราคาก็ไม่แพงเกินไป



            
 เมื่ออิ่มท้อง ในช่วงบ่ายเราก็เดินทางไปเที่ยวต่อกันที่วัดหลวงพ่อโต  ที่มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินการจัดสร้างโดยพระเอกดาราดัง  สรพงศ์  ชาตรี  วัดนี้จะอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว ตั้งอยู่บนถนนสายมิตรภาพ จึงหาได้ไม่ยากนัก



                                 เดินเที่ยวชมไปเรื่อย ๆ ก็เจอบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (เค้าว่าไว้ยังงั้น)


                                               และเมื่อเจอป้ายนี้.....



คุณนายเธอก็จัดการโดยไม่รอช้า  หันหลังขวับพร้อมควักเหรียญจากกระเป๋าแล้วก็โยนนนนน....อิ อิ



นี่คือองค์หลวงพ่อ ที่ว่าใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่ขนาดไหนก็ดูขนาดของคนที่ปีนขึ้นไปปิดทองที่ฐานองค์พระที่อยู่ลิบ ๆ นั่นดูแล้วกันครับ


พอเดินจนเมื่อยแล้ว(เพราะบริเวณวัดนี้กว้างมาก)  เวลาก็ประมาณแดดร่มลมตก บ่ายแก่ ๆ เราก็ออกเดินทางมาเช็คอินที่พักที่เราจองไว้ครับ  วันนี้เราจะนอนกันที่ สวนเมืองพร ครับ  สถานที่นี้วิวสวย บรรยากาศดี จัดว่าเป็นที่พักที่หนึ่งที่ผมประทับใจมากครับ
 


 

"มุมอ้อยอิ่ง" (ผมตั้งชื่อเองครับ อิ อิ ) มุมนี้อยู่ในส่วน in door ของ cafe ที่นี่ ถ้าจำกันได้ ฉากหนึ่งในละครช่อง 3 หวานใจกับนายจอมหยิ่งมาถ่ายทำที่มุมนี้ด้วย

นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งในฉากละครเรื่องดังกล่าว

พอตกค่ำ ได้เวลาอาหาร เราก็ทานกันที่นี่เลย บรรยากาศดีมาก ๆ และจากคุณภาพของรูปข้างล่างแสดงให้เห็นว่าผมควรไปนอนได้แล้ว  กร๊ากกกกกก....



วันรุ่งขึ้น ก่อนออกจากที่นี่ เราก็ฝากท้องสำหรับอาหารเช้าไว้ที่นี่อีกมื้อนึง บรรยากาศตอนเช้า ๆ





พอออกจากที่พัก เราก็เที่ยวแบบลัดเลาะล่องลงล่าง  เริ่มต้นก็ไปแวะที่นี่ก่อนเลย ตอนเช้าแดดยังไม่ร้อนมากนักกับ Outlet Village สาขาเขาใหญ่ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ที่เขาใหญ่ซะทีเดียว อยู่บนถนนมิตรภาพนี่แหละ

นี่คงเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เพราะเห็นมีหลายตัวเลย

พอเดินจนเมื่อยตุ้ม แดดเริ่มแรง อีกทั้งก็เกือบได้เวลาอาหารเที่ยง ก็เลยออกจาก Outlet ที่นี่เพื่อไปกินมื้อเที่ยงกัน โดยมีจุดหมายที่แปลนไว้คือ PB Vallay Khaoyai Winery ซึ่งต้องขับแยกจากสายมิตรภาพไปตามทางหลวงหมายเลข 1016
ที่นี่จะเป็นทั้งไร่องุ่นให้เข้าไปเที่ยวชม ห้องอาหาร และมีที่พักอีกด้วย แต่ผมใช้บริการแค่ห้องอาหารอย่างเดียวครับ  จากรูปด้านหลังมองผ่านหน้าต่างไปจะเป็นไร่องุ่นของที่นี่ครับ

พอท้องอิ่มจากของคาว เราก็เดินทางไปหาของหวานและจิบกาแฟกันที่จุดหมายต่อไป ซึ่งรู้สึกจะฮิตกันมากมาย นั่นคือ Primo Posto โดยเดินทางต่อตามเส้นทางเดิมครับ เป็นถนนสายที่ไม่ใหญ่มากนัก เพราะไม่ใช่ถนนหลักซุปเปอร์ไฮเวย์ 


มุมของรูปถ่ายของผมอาจแปลก ๆ ไม่เหมือนที่เห็นจากตามเน็ตนะครับ อิ อิ
 

ผมชอบอันนี้ของที่นี่จัง อิ อิ
 หลังจากอาหารย่อยเราก็ออกจาก Primo  เราก็เดินทางต่อตามเส้นทางเดิม เพื่อไปออกกำลังเชิงตื่นเต้นกันที่ เดอะกรีนเนอร์รี่รีสอร์ท โดยไปเล่นตัวนี้ ฮา.....คอแทบหัก หุ หุ

ลูกนึงเข้าได้สองคนครับ

หลังจากนั้น เราก็เดินทางต่อเพื่อไปเช็คอินเข้าที่พักที่เราได้จองไว้ครับ นั่นคือที่นี่ครับ



Chateau de khaoyai
 
                  ที่นี่เป็นที่พักอีกที่หนึ่งที่ประทับใจผม บรรยากาศดีมากกกกกก...เงียบสงบเย็นสบาย(แต่ถ้าหน้าร้อนคงไม่เย็นมั้ง ฮา....)  ภายในตกแต่งได้หรูหรา เริ่ดมั่ก ๆ ละครหลายเรื่องที่มาปักหลักถ่ายทำกันที่นี่  ลองดูความงามจากรูปประกอบเลยครับ




       ที่ชาโตว์นี้มีพื้นที่กว้างมาก ๆ มีสนามฟุตบอลอยู่หลังตึกใหญ่ ที่เห็นลิบ ๆ นั่นคือส่วนของอาคารสำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งเราฝากท้องมื้อเย็นและมื้อเช้าไว้ที่นี่  โดยจากที่พักแต่ละหลังจะอยู่ไกลจากจุดนี้ จึงต้องนำรถส่วนตัวขับไปหรืออาจจะใช้บริการรถกอล์ฟจากทางส่วนกลางก็ได้ครับ แต่รอหน่อย
       เช้าวันรุ่งขึ้น แผนก็คือเดินทางต่อลงไปยังวังน้ำเขียว โดยใช้เส้นทางถนนสาย 304 ออกจาก
ที่พักแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ จุดหมายคือ Village Farm Winery ที่นี่เราจะไปดูสถานที่บ่มไวน์ที่อยู่ระดับต่ำกว่าพื้นดิน และทานมื้อกลางวันกันที่นี่ด้วย

ถังบ่มไวน์ ควบคุมอุณหภูมิ



แล้วนำมาเก็บลงในถังแบบนี้เป็นเวลานานตามที่กำหนดไว้


ได้ที่ตามต้องการแล้วจึงนำมาบรรจุขวด




แล้วจึงบรรจุลงหีบห่อรอการติดฉลากและนำส่งต่อไป







หลักฐานจากความอร่อย 555555....
 

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าทริปนี้ยาว  เดี๋ยวไว้มาต่อภาคสองนะครับ

No comments:

Post a Comment